หากไม่อยากให้บัตรเครดิตมาครอบงำชีวิตของเราได้ เรามีวิธีใช้บัตรเครดิตมาให้เกิดประโยชน์สูงสุด (เราจะขอยกตัวอย่างบัตรขึ้นมา อาจมีการเปลี่ยนแปลงในเงื่อนไขของแต่ละประเภทบัตรเครดิต
ตามวันและเวลาที่เปลี่ยนไป ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร
แต่ข้อมูลที่กล่าวถึงต่อไปนี้ เป็นประสบการณ์จากการใช้บัตรของผู้เขียน -
ถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2556)
ศึกษาโปรโมชั่นบัตรเครดิตและเงื่อนไขต่างๆ ของแต่ละบัตรก่อนสมัครบัตรเครดิต และเลือกใช้บัตรที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของเรา **โปรดพิจารณาเรื่องระยะเวลาของโปรโมชั่นบัตรเครดิต บางบัตรเสนอโปรโมชั่นพิเศษสุดๆ แต่อยู่ได้แค่ 3 เดือน หลังจากนั้น เราใช้รูดไปตั้งเยอะ มารู้ตัวอีกที ก็ตอนที่เห็นใบแจ้งยอดแล้วว่าไม่ได้เงินคืน
เราขอยกตัวอย่างการเลือกบัตรเครดิตดังนี้
- หากเราบินสายการบินไทยบ่อยๆ เลือก บัตร KTC Royal Orchid Plus เพื่อสะสมไมล์แลกซื้อตั๋วบิน
- หากเราช้อปปิ้งที่เซ็นทรัลบ่อยๆ เลือก บัตร Central Card ลด 5% เมื่อซื้อสินค้าในตัวห้างฯ
- หากเราช้อปปิ้งที่พารากอน เดอะมอลล์ เอ็มโพเรียม เลือก บัตร Citi M Visa ลด 5% เมื่อซื้อสินค้าในตัวห้างฯ ฯลฯ
- หากเราเติมน้ำมันบ่อยๆ เลือกบัตรที่มี cash back ที่คืนเงินให้สูงๆ เช่น บัตร SCBT (Standard Chartered) 4-7% ทุกๆ800บาท ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบัตรและระยะเวลาของโปรโมชั่น รายละเอียดเพิ่มเติมหาอ่านได้ที่เว็ปไซต์ของธนาคารผู้ออกบัตร
- หากเราจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ เองอยู่แล้ว หากชำระตามตัวแทน เช่น 7-eleven ก็จะมีค่าธรรมเนียม 15บาท
หากเราผูกกับบัตรเครดิต ก็จะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
แถมบัตรเครดิตของบางธนาคารยังสะสมคะแนนให้อีกด้วย เช่น
บัตรเครดิตของกสิกรไทย (บัตรเครดิตส่วนใหญ่
จะไม่สะสมคะแนนให้การชำระค่าสาธารณูปโภค)
ระวังค่าธรรมเนียมรายปี
ส่วนใหญ่จะได้สิทธิ์ฟรีค่าธรรมเนียมปีแรก
ในปีถัดไปต้องมีการใช้จ่ายรายเดือน/รายปีครบตามที่ธนาคารกำหนด
แต่หากใช้จ่ายไม่ถึงจริงๆ ก็สามารถโทรไปขอละเว้น (Wave)
ค่าธรรมเนียมรายปีได้เมื่อครบปี แต่พอถึงเวลา ใครจะมานั่งจำว่าครบปีแล้ว
จึงควรพยายามหลีกเลี่ยงบัตรที่มีค่าธรรมเนียมรายปี ดีที่สุด
หรือรอจนมันคิดค่าธรรมเนียมรวมอยู่ใน Statement แล้ว ค่อยโทรไปขอละเว้น
ทางธนาคารก็จะให้ชำระแค่ยอดที่ยังไม่รวมค่าธรรมเนียม หรือหากขอละเว้นไม่ทัน
ทางธนาคารก็จะเครดิตเงินคืนกลับมาให้ ในรอบบิลถัดไป
จดบันทึกสิ่งสำคัญหลักๆ ของบัญชีบัตรเครดิต เมื่อ
ได้บัตรที่ถูกใจ แล้วก็ควรจดบันทึกหรือเก็บบิลรายเดือนไว้
เพื่อใช้ดูและติดตามชำระบัตรในแต่ละรอบบิล สิ่งสำคัญดังกล่าว
ได้แก่ วันตัดรอบบิล (Cut-off Date) วันครบกำหนดชำระ (Payment Due
Date) วงเงินบัตรเครดิต (Credit Line) หรืออาจจะดูดอกเบี้ย (Interest Rate)
ดูเผื่อไว้กันพลาด
ส่วนใหญ่ธนาคารจะให้เครดิตระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยสูงสุดถึง 45-55 วัน
หรือนับเป็น 15-25 วันนับจากวันตัดยอดบิล
- KTC, กสิกร, กรุงเทพ, Citibank 15 วัน
- Central Card 20 วัน
- SCBT (Standard Chartered) 25 วัน
วางแผนรายรับรายจ่าย เมื่อ
ทราบวันครบกำหนดชำระแล้ว ก็วางแผนรายรับรายจ่ายของตนเอง
เพื่อให้เหลือเงินเพียงพอมาชำระหนี้ภายในวันที่กำหนด
เท่านี้ก็จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตนเองในภายหลัง
เพื่อให้มั่นใจว่าเราไม่ลืมชำระบัตรทุกงวด
เราสามารถชำระบัตรเครดิตโดยหักจากบัญชีได้ (Direct Debit)
ควรเปิดบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารเดียวกันกับบัตร
เพื่อไม่ให้เสียค่าธรรมเนียมในการหักผ่านบัญชี บางบัตรสามารถหักจาก
บัญชีของ ธนาคารอื่นได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม เช่น บัตร Citibank
สามารถหักบัญชีธนาคารกสิกร กรุงเทพ กรุงศรีอยุธยา และไทยพาณิชย์ ได้
วิธีนี้บางท่านที่กลัวว่ารายจ่ายจะไม่ได้อยู่ในการควบคุม หมั่นนำสมุดคู่ฝาก
(Passbook) ไปอัพเดทบ่อยๆ เพื่อตรวจดูความเคลื่อนไหว
ซึ่งเดี๋ยวนี้สามารถเช็คผ่านทาง Online Banking หรือ Telephone Banking
ได้แล้ว
ใช้บัตรให้เหมาะสมกับสินค้าและบริการ เมื่อถึงคราวหยิบบัตรออกจากกระเป๋าสตางค์เพื่อใช้รูดซื้อสินค้าและบริการ อย่าลืมสังเกตุว่าสินค้านั้นๆ อยู่ในรายการโปรโมชั่นบัตรเครดิตที่จัดร่วมกับบัตรเครดิต ที่เราถืออยู่ใช่หรือไม่
หากใช่ >> ก็ตรวจดูเงื่อนไขโปรโมชั่นบัตรเครดิตในการใช้ด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าเราเล่นเกมตรงตามกติกาแล้วนะ เธอทำอะไรชั้นไม่ได้หรอก หึหึหึ!!
หากไม่ใช่ >>
ก็ไม่เป็นไร หยิบบัตรใบที่เราใช้บ่อยที่สุดขึ้นมาใช้ (เพราะยังไงเดือนนี้
ชั้นก็ต้องไปชำระบัตรใบนี้อยู่แล้ว)
หรือบัตรใบที่คิดว่าสะสมคะแนนได้ดีที่สุด เพราะแต่ละธนาคาร
ของรางวัลหรือบัตรกำนันที่เสนอนั้นคล้ายๆ กันหมด เลือกเอาตามอัธยาศัยเลยจ้า
ที่มา: http://nutthunnie.blogspot.com/2012/01/blog-post.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น