สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกสมัครบัตรเครดิต
1. อัตราดอกเบี้ย
2. ค่าธรรมเนียมต่างๆในการใช้บัตร
3. การให้บริการ
4. ค่าบริการรายปี
5. โปรโมชั่นของบัตรแต่ละประเภท
ประโยชน์ของบัตรเครดิต
ท่านไม่จำเป็นที่จะต้องชำระค่าสินค้าหรือบริการเป็นเงินสด ท่านสามารถใช้บัตรเครดิตของท่านชำระค่าใช้จ่ายได้ทันที โดยเงินสดของท่านก็ยังคงมีอยู่ ที่สำคัญค่าบริการหรือสินค้าที่ท่านใช้จ่ายนั้น ท่านสามารถชำระคืนได้ในภายหลังโดยมีระยะเวลาประมาณ 45-55 วัน แล้วแต่บัตรของธนาคาร
ท่านไม่จำเป็นที่จะต้องชำระค่าสินค้าหรือบริการเป็นเงินสด ท่านสามารถใช้บัตรเครดิตของท่านชำระค่าใช้จ่ายได้ทันที โดยเงินสดของท่านก็ยังคงมีอยู่ ที่สำคัญค่าบริการหรือสินค้าที่ท่านใช้จ่ายนั้น ท่านสามารถชำระคืนได้ในภายหลังโดยมีระยะเวลาประมาณ 45-55 วัน แล้วแต่บัตรของธนาคาร
ท่านไม่จำเป็นที่จะต้องชำระคืนเต็มจำนวน เพราะท่านสามารถเลือกชำระคืนเพียง
5
% ของค่าใช้จ่ายของท่าน บัตรเครดิตยังให้ท่านเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า
สำหรับเหตุการณ์ในทุกสถานการณ์ เช่นค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียน และบัตรเครดิตยังมีโปรโมชั่นส่งเสริมการขายมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนเครื่องใช้ไฟฟ้าอัตราดอกเบี้ย 0 % การสะสมคะแนนแลกของกำนัลต่างๆ
(เห็นไหมว่าบัตรเครดิตน่าสนใจมากแค่ไหน)
ข้อเสียของการมีบัตรเครดิต
ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของท่านเองว่า ท่านสามารถควบคุมการใช้บัตรของท่านได้ถูกวิธีหรือไม่ หากท่านมีการใช้วงเงินเกิน การชำระคืนของท่านการมีบัตรเครดิตก็เป็นดาบ 2 คมเช่นกัน ดังนั้นเมื่อท่านมีบัตรเครดิต ท่านควรมีวิธีการบริหารการใช้จ่ายอย่างถูกวิธีเพื่อประโยชน์สูงสุดในการบริหารการเงินของตัวท่านเอง
พิจารณาเงื่อนไขในการสมัครบัตรเครดิตของบัตรนั้นๆ เช่น เงินเดือนขึ้นต่ำ เงินเดือนต้องผ่านแบงค์ เป็นต้น
ใช้บัตรเครดิตอย่างฉลาด สินเชื่อหรือเครดิตนั้นมีหลายหลายรูปแบบในประเทศไทย นอกเหนือจากบัตรเครดิตที่ช่วยให้ผู้ถือบัตรมีความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการใช้เงินสูงสุดแล้ว ก็ยังมีบัตรเครดิตอีกหลายประเภท อาทิ บัตรเพื่อการกู้ยืมสำหรับนักเรียน การกู้เพื่อวันพักผ่อน การกู้เพื่อซื้อบ้านหรือการจำนอง แม้ว่าบัตรเครดิตเหล่านี้จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป แต่มีลักษณะพิเศษร่วมกันบางประการ เช่น ช่วยให้เราคงรูปแบบการใช้ชีวิตตามความปรารถนาได้ โดยไม่ต้องจ่ายเงินครั้งละมากๆ ดังนั้นการใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้ผู้ใช้บัตรได้รับประโยชน์ ความปลอดภัย และความสะดวก
ขอบคุณ แหล่งข้อมูล : มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค